MOVIE REVIEW AND STORYLINE: OVERLORD (2018)

Movie Review and Storyline: Overlord (2018)

Movie Review and Storyline: Overlord (2018)

Blog Article

รีวิวหนัง Overlord (2018) ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด


Movie Review and Storyline: Overlord (2018)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  ระทึกขวัญ, สยองขวัญ, ซอมบี้, แอคชัน, ไซ-ไฟ และสงคราม


ผู้กำกับ:  Julius Avery


นักเขียน:  Billy Ray และ Mark L. Smith


นักแสดงนำ:  Jovan Adepo, Wyatt Russell และ Mathilde Ollivier





เรื่องย่อ


Overlord (2018) ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด เรื่องราวในช่วงเวลาสำคัญก่อนถึงวันดีเดย์ของปี 1944 มีการส่งหน่วยพลร่มเฉพาะกิจซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญในการทำลายหอส่งสัญญาณรบกวนวิทยุของเยอรมัน ซึ่งตั้งอยู่ในโบสถ์เก่าแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ภารกิจครั้งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค เมื่อเครื่องบินที่พวกเขาใช้เดินทางถูกยิงตก ส่งผลให้สมาชิกส่วนใหญ่ของหน่วยเสียชีวิตทั้งจากการตกเครื่องบิน การโจมตีของทหารนาซี และกับระเบิด มีเพียงสมาชิก 4 คนที่รอดชีวิต ได้แก่ สิบเอกฟอร์ด รองหัวหน้าหน่วย, สิบเอกบอยซ์, สิบเอกทิบเบต และสิบเอกเชส ขณะที่หัวหน้าหน่วยอย่างจ่าสิบเอกเรนซินเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

 

หลังจากรอดชีวิตจากหายนะครั้งแรก พวกเขาได้พบกับโคลอี หญิงสาวจากหมู่บ้านใกล้โบสถ์ โคลอีอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ กับพอล น้องชายวัย 8 ขวบ และป้าของเธอที่ถูกทำให้เสียโฉมจากการทดลองโหดร้ายของนาซีในโบสถ์แห่งนี้ เธอให้ที่หลบภัยแก่ทหารพลร่มในบ้านของเธอ แต่ไม่นาน ความสงบสุขก็ถูกทำลายลง เมื่อวาฟเนอร์ ผู้บัญชาการหน่วย SS และลูกน้องของเขามาถึงบ้านของโคลอี วาฟเนอร์ข่มขู่โคลอีโดยบังคับให้เธอยอมทำตามคำสั่ง มิฉะนั้นจะส่งตัวพอลไปยังโบสถ์เพื่อเผชิญชะตากรรมเลวร้าย ฟอร์ดและบอยซ์ที่ซ่อนตัวอยู่จึงต้องลงมือช่วยเหลือโดยจับวาฟเนอร์เป็นตัวประกัน

 

บอยซ์ในความพยายามตามหาสมาชิกที่หายไปอีกสองคน แอบเข้าไปในโบสถ์และค้นพบความลับอันน่าสะพรึงกลัวในห้องทดลองใต้ดินของนาซี เขาพบว่าที่นี่มีการทดลองใช้เซรุ่มแปลกประหลาดที่ทำจากน้ำมันดินสีดำใต้หมู่บ้านในการสร้างทหารเหนือมนุษย์ การทดลองเหล่านี้ส่งผลให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติและโหดร้าย บอยซ์ขโมยเซรุ่มมาได้และช่วยเหลือโรเซนเฟลด์ สมาชิกในหน่วยที่ถูกจับตัวไว้ ดูหนังออนไลน์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้

 

หลังจากกลับมาที่บ้านโคลอี เหล่าทหารวางแผนโจมตีโบสถ์เพื่อทำลายหอส่งสัญญาณและห้องทดลอง ในขณะที่ฟอร์ดพยายามทรมานวาฟเนอร์เพื่อเค้นข้อมูล แต่เขาก็หลบหนีไปได้และยิงเชสเสียชีวิต บอยซ์ใช้เซรุ่มทดลองฉีดให้เชส ซึ่งทำให้เขาฟื้นขึ้นมาแต่กลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตรุนแรง ในที่สุด บอยซ์จำเป็นต้องสังหารเขาเพื่อหยุดยั้งอันตราย เมื่อวาฟเนอร์หลบหนีไปและฉีดเซรุ่มกับตัวเองจนกลายพันธุ์ เขาลักพาตัวพอลไปยังห้องทดลอง ฟอร์ดและบอยซ์จึงร่วมกันวางแผนแทรกซึมฐานทัพใต้ดินเพื่อช่วยเหลือพอลและวางระเบิดทำลายหอส่งสัญญาณ โคลอีในขณะเดียวกันก็จัดการช่วยพอลหลบหนีและสังหารตัวทดลองกลายพันธุ์จำนวนมาก

 

ในขณะที่ฟอร์ดและบอยซ์วางระเบิดในห้องทดลอง ฟอร์ดถูกวาฟเนอร์ที่กลายพันธุ์โจมตีอย่างหนักจนบาดเจ็บสาหัส เขาตัดสินใจฉีดเซรุ่มให้ตัวเองเพื่อดึงพลังสุดท้ายมาเผชิญหน้ากับวาฟเนอร์ ในท้ายที่สุด ฟอร์ดสั่งให้บอยซ์จุดชนวนระเบิดเพื่อทำลายโบสถ์และห้องทดลอง แม้เขาต้องเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อยุติภัยคุกคามนี้ ภารกิจของหน่วยพลร่มประสบความสำเร็จ โบสถ์และห้องทดลองถูกทำลายจนสิ้นซาก พร้อมกับการประกาศชัยชนะในวันดีเดย์ ในรายงานของบอยซ์ เขายกย่องฟอร์ดที่เสียสละชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้เซรุ่มนี้ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขายืนยันต่อผู้บังคับบัญชาว่าไม่มีอะไรในโบสถ์ที่ควรค่าแก่การขุดค้นต่อ ส่งผลให้เรื่องราวความลับของห้องทดลองใต้ดินถูกปกปิดไว้ตลอดไป



ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


Overlord (2018) ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด นำเสนอสงครามโลกครั้งที่สองในรูปแบบที่แปลกใหม่และท้าทายกรอบความคิดดั้งเดิม ด้วยการผสมผสานแนวคิดของหนังสยองขวัญและภาพยนตร์สงครามเข้าด้วยกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากที่ดิบเถื่อน เลือดสาด และความสยดสยองที่ท้าทายความกล้าของผู้ชมอย่างแท้จริง เป็นงานที่เหมาะสำหรับผู้ชมวัยรุ่นที่ชื่นชอบความตื่นเต้นและความสยองแบบถึงใจ พร้อมกับแนวคิดล้ำสมัยที่นำเสนอคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และความโหดร้ายในบริบทของสงคราม

 

เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1944 เมื่อกลุ่มทหารอเมริกันถูกส่งไปทำภารกิจทำลายหอส่งสัญญาณวิทยุของนาซีในหมู่บ้านฝรั่งเศส แต่เครื่องบินของพวกเขาถูกยิงตก ทำให้สมาชิกในทีมเสียชีวิตเกือบทั้งหมด เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องเผชิญกับภารกิจที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากโคลอี หญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่กับพอล น้องชายของเธอในหมู่บ้านที่ถูกนาซียึดครอง แต่เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อความจริงเกี่ยวกับห้องทดลองใต้ดินที่ใช้สร้างทหารซอมบี้สุดสยองถูกเปิดเผย ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยที่เหนือธรรมชาติ

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดึงดูดใจวัยรุ่นด้วยภาพที่ดิบเถื่อนและความตื่นเต้นของการต่อสู้กับซอมบี้นาซี แต่ในขณะเดียวกัน มันยังขาดความลึกซึ้งในแง่ของตัวละครและเนื้อเรื่อง จุดที่น่าสนใจที่สุดคือช่วงที่บอยซ์ ทหารหน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ ต้องเผชิญกับความสยองในห้องทดลองใต้ดิน ความกระหายที่จะค้นหาความจริงของเขาเป็นแรงผลักดันสำคัญของเรื่องราว แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขาหลายครั้งกลับเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของมนุษย์ในภาวะสงคราม

 

แม้ภาพยนตร์จะมีการพัฒนาเรื่องราวที่บางเบา แต่ก็ชดเชยด้วยการใช้เทคนิคพิเศษและการออกแบบฉากที่น่าทึ่ง ความรุนแรงและเลือดสาดในภาพยนตร์เป็นจุดขายสำคัญที่อาจทำให้วัยรุ่นในยุคปัจจุบันตื่นตาตื่นใจ ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความน่ากลัวของสงครามและการทดลองที่ไม่เป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาฉากแอ็กชันและความสยองอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ชมที่มองหาความลึกซึ้งในเนื้อหา

 

Overlord เป็นผลงานที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ต้องการความตื่นเต้นแบบดิบเถื่อนและไม่เกรงกลัวต่อความสยดสยอง แม้ว่ามันจะไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ชมทุกกลุ่ม แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้ที่แสวงหาความมันส์แบบไม่ต้องคิดมาก ท้ายที่สุดแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ได้ตั้งใจสร้างเพื่อเอาใจแฟนหนังรุ่นใหญ่ แต่กลับเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทั้งระทึกและสะพรึงในฉากหลังของสงครามโลกครั้งที่สองในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

#Overlord  #ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด  #ดูหนังออนไลน์ฟรี  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Report this page